ผจญภัย เรือ ต.

เมื่อเราไต่ระดับลงสู่ความลึกของทะเล สีแดงเป็นสีแรกที่จะหายไปก่อน ด้วยความยาวคลื่นมากที่สุด ทำให้มีพลังงานน้อยที่สุด ตั้งแต่ห้าเมตรสีแดงเริ่มหม่นลง พอผ่านช่วงสิบเมตรลงไปก็แทบจะหายสนิท

เรามองดูมือที่นิ้วก้อยซ้ายด้านนอกเพิ่งถูกขูดขีดเร็วๆ จากการลากผ่านลานเพรียงหนาแน่น ที่ระดับความลึกราว 20 ม. ที่กราบด้านหนึ่งของเรือ ต.94 เห็นรอยดำเปื้อนเป็นเส้นจางๆ ยาวไม่ถึงเซ็น เจ็บแสบเมื่อโดนน้ำทะเล

อุ๊ยนิ้วเปื้อน เอามือขวาไปถูๆ หายแสบไปนิด

รอยดำเปื้อนบางลงหน่อยแล้วกลับหนาขึ้นอีก อิหยังวะ สงสัยแล้วก็ว่ายน้ำต่อ

ในบรรดา Dive site ของชาวสกูบ้า เรือจมเป็นหมวดหนึ่งที่มีความนิยมอยู่มาก เราคนนึงล่ะชอบเรือจมซะจริงๆ มุดมาก็หลายลำ ไม่นานมานี้เองเพิ่งได้ยินข่าวการจมเรือที่ปลดระวางลงสู่ก้นทะเลเพื่อเป็นแหล่งปะการังเทียมและเป็นแหล่งเรียนรู้ ท่องเที่ยว เพิ่งจะแป๊บเดียวก็มีโอกาสได้ไปดำโดยที่ไม่ได้รู้แผนมาก่อนด้วย ดีใจมาก

ทุ่นสีเหลืองใหม่เอี่ยมลอยกลางทะเล กำหนดจุดสี่มุมแสดงตำแหน่งเรือปลดประจำการที่ถูกจมไว้เป็นแหล่งปะการังเทียมและแหล่งดำน้ำ ทั้ง ต. 94 และ ต. 95 แสมสารวันฟ้าใส ผิวน้ำแทบจะไม่มีคลื่น ถามครูตุ้ยว่า มีปะการังมาเกาะแล้วยังครู ครูว่ามีแต่เพรียงที่คมแสนคม เรือเพิ่งถูกจมได้สองเดือน จึงยังไม่มีดอกไม้ปะการังใดๆ มางอกงาม เมื่อรอให้กลุ่มเราอันประกอบไปด้วยลูกฝูง 5 ครู 1 ครูผู้ช่วยอีก 2 สำหรับไดฟ์นี้พร้อมกันดีแล้ว พวกเราก็จมตัวลงแล้วไต่โซ่อ้วนๆ ใหม่เอี่ยมลงสู่ความเงียบสงบของก้นทะเล แม้แต่ที่ตัวโซ่ บรรดาน้องเพรียงก็เริ่มมาเกาะกันแล้ว เราค่อยๆ ใช้นิ้วคีบพยุงตัวพลางปรับสมดุลในหู เพรียงจิ้มนิ้วหนาๆ จึ้กแล้วจึ้กเล่า ไม่เจ็บซักเท่าไหร่หรอกน่า.. บอกตัวเอง

เมื่อถึงก้นทะเลน้ำไม่ใสเหมือนสองไดฟ์แรกของวัน เรือ ต.94 จอดตะคุ่มๆ อยู่ในน้ำขุ่นเล็กน้อยสีเขียวอมฟ้า เราค่อยๆ ว่ายชมตัวเรือจากด้านหลังสู่ด้านหน้า แทนที่จะเป็นดอกไม้ทะเลหรือปะการังอ่อนชูช่อ แต่ขดเชือกตรงนั้นตรงนี้ที่ขาดแล้วลอยฟูฟ่อง กลับดูผ่านๆ คล้ายดอกไม้ปลอมอยู่เหมือนกัน ตกลงกันไว้ตั้งแต่บนเรือแล้วว่าครูจะให้เรามุดเข้าไปจากช่องประตูด้านขวาของลำเรือ ร่อนขึ้นบันไดสองสามขั้น สู่ห้องกัปตันแล้วชะโงกหน้าออกมาให้ครูถ่ายรูปทีละสองคน

คนฉายเดี่ยวอย่างเรา ครูตุ้ยบอกให้โผล่ช่องหน้าต่างคู่กับครูจิล และว่ายเข้าไปเป็นคู่สุดท้าย ประตูที่แคบอยู่แล้วยิ่งดูแคบมากเป็นพิเศษเมื่อมีนักดำน้ำตัวอ้วนแบกถังกับห้อยสายนั่นนี่พะรุงพะรัง แทบทุกอณูผิวของเรือ ต. ถูกปกคลุมด้วยเพรียงแน่นขนัดไปหมดจนเหมือนผิวเจ้ามังกรร้ายที่ปกป้องเจ้าตัวจากการรุกราน เราโดนขูดตรงนั้นตรงนี้ แล้วก็โผล่มาที่ช่องหน้าต่างของกัปตันเพื่อชะโงกทำหน้าแป้นแล้นถ่ายรูป จากนั้นก็วกตัวไปแทบจะเหมือนยูเทิร์นไปทางซ้าย ร่อนข้ามบันไดอีกสองสามขั้นเพื่อขึ้นสู่ชั้นบนอีกชั้นที่เหมือนดาดฟ้า

บนดาดฟ้ามีโครงเหล็กที่เคยเป็นเหมือนเสาเรดาร์อยู่ระเกะระกะ ไม่มีพื้นผิวไหนที่ไร้เพรียง เรามุดเสามุดคานและจะวกไปรวมตัวกับชาวคณะที่หัวเรือ อยู่ๆ ก็พบกับเจ้าเต่าตัวโตเบ้อเริ่ม แหวกว่ายพุ่งตัวออกมาจากห้องกัปตัน สงสัยจะแอบนอนอยู่ในนั้นแล้วรำคาญเรานี่เองแหละเลยพุ่งหนี เราตามถ่ายรูปน้องเต่าอยู่คนเดียว ซึ่งน้องก็ดันมุ่งหน้าไปหาชาวคณะจำนวนมากด้านหัวเรือซะด้วย เสียงกรี๊ดของชาวสกูบ้ามันอาจจะไม่ดังออกมาเป็นเสียงแหลมสูง แต่จะเป็นการหอบหายใจ พ่นและสูบอากาศกันโครมครามมากกว่า ทันทีที่เจ้าเต่าเผยตัวสู่ชาวคณะทั้งกลุ่มเราและกลุ่มข้างๆ น้องก็กลายเป็นดาราหน้ากล้องทันที เราซึ่งได้ว่ายตามน้องกันตามลำพังสองคนมานาทีนึงแล้ว ก็เลยถอยตัวลงต่ำ ให้คนอื่นได้ดูน้องบ้าง

ขณะนั้นน้องลอยตัวอยู่เหนือส่วนห้องกัปตัน เราเห็นคนที่เพิ่งมุดเข้าห้องกัปตัน คงกำลังงงว่ามองลอดหน้าต่างทำไมมีแต่ช่วงขาคนอื่นด้านนอก เราเลยส่งสัญญาณบอกว่า มีเต่าอยู่บนห้องนี้ ให้รีบว่ายออกมา ทำให้เพื่อนๆ อีกกลุ่มได้มีโอกาสมามุงเต่าด้วยกัน

จึ้กเข้าให้ แล้วก็อีกจึ้ก อีกจึ้ก

เวลาที่ไม่ได้โฟกัสกับการพยุงตัวให้ดี เราก็โดนน้องเพรียงจิ้มเข้าอีก

ไดฟ์นั้นสนุกสนานตื่นเต้นกันพอแล้ว ครูตุ้ยพาทุกคนไต่โซ่อ้วนๆ กลับ และเนื่องจากเป็นไดฟ์สุดท้ายของวันแล้วเราก็ร่าเริงว่ายเล่นพุ่งไปมาอยู่ที่ความลึกสุดเกือบ 23 ม. เพื่อความปลอดภัยเลยต้องทำ Safety Stop นานหน่อย ระหว่างนั้นครูขอดูไดฟ์คอมพ์ เรากระตุกข้อมือพลาดไปนิด จึ้กกก ใหญ่ๆ กึ่งเพรียงกึ่งโซ่เหล็กเขรอะสนิม คราวนี้ก้มมองนิ้วโป้ง

หนังเปิดออกมาเป็นปากฉลาม ของเหลวสีดำไหลออกมา ยิ่งลูบน้ำหมึกดำๆ ก็ยิ่งกระจายปะปนกับน้ำทะเลไม่หยุด

เอ้านี่มันเลือดนี่หว่าโว้ยยยย พลิกมือไปดูรอบๆ โอ้โห ไม่ใช่รอยเปื้อนเลย ขีดจิ๋วๆ ตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย เลือดทั้งนั้น คิดได้ถึงตรงนี้จะเป็นลม เพราะกลัวเลือดตัวเอง เริ่มรู้สึกแสบ เริ่มงอแง

พอขึ้นเรือก็ปรึกษาชาวแก๊งในวันนั้น รวมถึงน้องป๊อบน้องพยาบาลที่มาเดี่ยวเหมือนกัน น้องว่า ฉีดกระตุ้นบาดทะยักเถอะพี่ ครูบอกว่า ไปกระตุ้นซักสามเข็มนะ ดีกว่าโดนฟอร์มาลีนเข็มเดียว เราที่กลัวเข็ม และมั่นใจว่าตัวเองใช้โควต้าโดนจิ้มครบไปแล้วของปีนี้ และยิ่งเพิ่งบริจาคเลือดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เองแขนพับยังไม่หายม่วงดี ถึงกับหน้าซีดเซียว กินไอติม กินขนมเท่าไหร่ก็ไม่ช่วย (แต่ก็กินอยู่ดี)

พอขึ้นฝั่งมาแล้ว ก็ยังลีลาท่ามากไม่ยอมไปหาหมอ ยังเลือกไปเที่ยวไปเล่นกับเจ้ามิคกี้กับแม่และหลานต่อ แต่คุ้มค่ามากเพราะอากาศดีเกินกว่าจะหันหลังแล้วจากไปง่ายๆ

แล้วพออิ่ม พอเหนื่อยก็ขี้เกียจขับกลับ เปลี่ยนแผนนอนสัตหีบมันดื้อๆ

ที่พักไม่มีที่จอด แนะนำให้ไปจอดในวัด แต่เลี้ยวผิดเข้าไปประตูที่เป็นส่วนของฌาปณสถาน มืดตึ้บ ขับวนอ้อมต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านลิบหายจากวงแสงไฟหน้ารถ ในหัวก็จินตนาการถึงตัวเองตอนโทร.ไปหาพี่แจ๊คเดอะโกสต์ เอิ่มพี่แจ๊คคะ คือว่าประตูมันอยู่ใกล้กันเลยเลี้ยวผิดค่ะ..

มาการิต้าที่บาร์ดาดฟ้าท่ามกลางแสงจันทร์สว่างร้อนวาบในท้อง กับวันคาร์ดิโอที่แสนเหน็ดเหนื่อย ทำเอาหลับเหมือนสลบ จงใจไปนอนโฮสเทลแบบดอร์มเผื่อได้เพื่อนใหม่ สรุปไม่ได้เจอใครทั้งนั้น

ท่ามกลางแดดแผดๆ ในวันอาทิตย์ รถมอมแมมคันหนึ่งจอดฝั่งตรงข้ามคลีนิคแถวพัทยา

เจ้าอ้วนวิ่งหัวฟูข้ามถนน แล้วเข้าไปนั่งสั่นขาข้างใน คือมาเพื่อจะถามว่า ไม่ฉีดไม่ได้เหรอคะ หมอหนุ่มมือนุ่มจับทั้งสองมือของเราพลิกไปมาอย่างเบาๆ ดูแผลนั้นแผลนี้ บางแผลเราก็เพิ่งจะเห็นพร้อมหมอนี่แหละ มีรูเล็กๆ ที่อุ้งมือขวาอีกหลายรู รวมๆ แล้วน่าจะเกินสิบ

ฉีดกระตุ้นซักเข็มนะครับ คุณหมอบอก แล้วก็เอายาฆ่าเชื้อไปกินซักสองชนิด เพราะบาดแผลเกิดในทะเล ดักๆ ไว้ก่อน ยาฆ่าเชื้อเม็ดใหญ่เท่าหัวแม่โป้งตีนที่มาแกะดูที่บ้าน ทำเอาจิตใจท้อถอย คุณพยาบาลน่ารักใจดีมากๆ หลอกให้เราเล่าเรื่องดำน้ำก่อนจะแอบฉีดวัคซีนทั้งเร็วทั้งมือเบาจนแทบไม่รู้สึกเลย

เอาล่ะ เรือจมทั้งหลาย ต่อไปนี้ข้าไม่กลัวสนิมเอ็งแล้ว.. เจอกัน!

——-

แถมท้าย 1

คุณพยาบาล : เดี๋ยวเขียนใบรับรองแพทย์ให้นะคะ

แอ้ : ขอบคุณค่ะ

คุณพยาบาล : ให้เขียนว่าโดนอะไรมานะคะ

แอ้ : เพรียงบาดค่ะ

คุณพยาบาล : เพรียงเหรอคะ เขียนว่าหอยบาดได้มั้ยคะ

แอ้ : ไม่เอาหอยไม่ได้เหรอ มันไม่เท่ห์อะ มันไปทางตลกเลยนะคะ

สรุปใบรับรองแพทย์จริง ได้มาแค่ “บาดแผลถลอกที่มือ”

แล้วเลือดชั้นอ่าาาา ที่ไหลเป็นทางอยู่ในทะเลนั่น ฮือออ เลือดชั้นโดนด้อยค่าาา

——-

แถมท้าย 2

ครูตุ้ย : ปีหน้าจะไปมาลาปัสกัว สนมั้ย

แอ้ : ครูๆ พี่มีคำถาม

ครูตุ้ย : ว่าไงครับ

แอ้ : หลังจากขายไตเนี่ย อีกกี่เดือนเราถึงจะดำน้ำได้คะ

——-

Reference : วันนี้ไปกับเรือ The great white shark น่าจะหรูสุดในแสมสารแล้ว สวย ของกินเพียบรวมเสิร์ฟกาแฟเครื่องดื่มอร่อยๆ ทั้งวัน น่ารักที่สุดคือพยายามลดพลาสติกมากๆ แม้แต่หลอดยังเป็นหลอดแก้ว รักมาก

ครูตุ้ยและทีมงานจาก https://www.facebook.com/Deklennam สนุกสนานได้ความรู้และมีแพชชั่นในการถ่ายรูปมาก แต่ครูหาตัวเล็กไม่เจอนะ สายแลนด์สเคปกันไป

อ่าวไข่ – ฮาร์ดีพ – โรงโขนโรงหนัง

ช่วงปลายปี อากาศดีๆ แม้เศรษฐกิจส่วนตัวอาจจะรุ่งริ่งซักนิด ถึงยังไงการปะทะน้ำเองก็ต้องมี เพื่อสันทนาการ เพื่อเลี้ยงสกิล สำคัญที่สุดก็คือหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณที่แห้งเหี่ยวให้กลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้ง One day dive ที่เป็นไปได้ ก็คือแหล่งชลบุรีระยองบ้านเรานี่แหละ คิวนี้ยัยปิ่นจองไว้หลายเดือนแล้ว เวลาไม่ตรงกับสมาชิกคนอื่นไม่เป็นไร ไปกันสองคนก่อน แต่เราสองคนจับคู่กันแล้วมันวินาศมาหลายต่อหลายทริปทะเล ไปคราวนี้ก็เลยไม่เช็ค ไม่สน ไม่คาดหวังอะไรกับสภาพอากาศเลย ถ้าเรือออกได้มันต้องมีฉันติดสอยห้อยไปด้วยดั่งเพรียงดื้อด้านที่เกาะก้นเรือแน่น

ละแวกชลบุรีระยองนี้ ร้านหรือโรงเรียนดำน้ำแต่ละแห่งต่างก็มีคอนแทคต์กับเรือบางลำหรือหลายลำ เราติดต่อ Fundive TED ที่ดีลมาได้เรือ The Shark ซึ่งมีท่าเรือเป็นของตัวเองที่จอดรถได้ตรงนั้นเลย มีคาเฟ่น่ารักๆ ด้วย เสียดายไม่มีเวลาไปนั่งแหมะ การจัดการในเรือ The Shark ดีเลย ถึงจะเป็นเรือขนาดไม่ต่างกับเจ้าอื่นๆ แต่เห็นได้ว่ามีการแก้ปัญหาที่ Pain point หลายอย่างไว้แล้ว ที่เราชอบมากคือ โต๊ะมีมากพอ โต๊ะมีช่องหลุมหัวท้าย สบายใจดีไม่ต้องกลัวพวกมือถือหล่นเวลาเรือโคลงเคลง ที่ชั้นล่างก่อนแต่งตัวลงน้ำ มีชั้นที่เต็มไปด้วยช่องเล็กๆ แปะป้ายชื่อของเราด้วยเทปกาว มีผ้าขนหนูแบบบางให้คนละผืน และช่องนั้นเราสามารถใส่ของเล็กๆ น้อยๆ ได้ (ก่อนดำน้ำมันจะมีของที่ติดมือมา เช่นกิ๊บติดผม ขวดซันบล็อก หรือน้ำยาฟิล์มแว่นเป็นต้น ถ้าไม่มีช่องใส่ อาจจะต้องวิ่งกลับไปเก็บชั้นบนหรือไม่ก็กองๆ ไว้แล้วของก็หายไปในที่สุด) เราปลื้มใจช่องนี้มาก

อีกอย่างที่ชอบคือ บนเรือจะมีน้องแอดมินน้อยคนนึง ที่มันคอยเช็คชื่อคนลงน้ำกับขึ้นจากน้ำ พร้อมถามอากาศในถัง ก่อนและหลังการดำ เรามองว่ามันดีว่ะ มันเป็น Safety อีกชั้น ที่เราจะมั่นใจได้ว่าเรือจะไม่กลับไปโดยที่เรายังอยู่ก้นทะเล แล้วการถามอากาศมันทำให้เราต้องทวนตัวเองว่า ตะกี้เปิดถังยังนะ แต่แอบบ่นตอนขาขึ้นนิดเดียวว่า น้องมันไม่ยอมให้เรากลับ (เอาถัง) ลงหลุมก่อนจะตอบว่าอากาศเหลือเท่าไหร่ ไม่ว่าเราจะไต่ขึ้นบันไดมาในสภาพไหน มันจะยืนขวางพร้อมปากกาจรดบอร์ดในมือ เราต้องทนขาสั่นดิ๊กๆ ดูเกจแล้วตอบอากาศมันก่อน ไม่งั้นมันไม่ยอมให้กลับลงหลุมจริงๆ

สิ่งที่ไม่ชอบคือ เรือ The Shark ยังให้กินน้ำขวดพลาสติกอยู่แฮะ ไม่มีถังกดน้ำให้ อันนี้ครูเราก็แอบบ่นเหมือนกัน หวังว่าวันหน้า The Shark จะค่อยๆ ปรับแก้ต่อไป

50th Dive

ไดฟ์ที่ 50 มาถึงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไดฟ์แรกเช็คไดฟ์กันเบาๆ ที่ไดฟ์ไซต์อ่าวไข่ ครูของเราวันนี้ชื่อครูเก่ง โดยลูกทีมมีแค่เราสองคนเท่านั้น ครูให้ประกอบอุปกรณ์เองตั้งแต่ยังแห้งๆ ออกมาจากกระเป๋าที่ครูหิ้วมาวางแหมะ ระหว่างนั้นก็เก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมที่ไม่เคยรู้มาก่อนเช่นเคยในทุกครั้งที่ได้เจอครูคนใหม่ๆ เช่น คนไม่มีอุปกรณ์ของตัวเองอย่างเรา ควรเช็คชุด BCD เช่าทุกครั้งสำหรับแต่ละรุ่นที่มันต่างกันไป เช่น Dump valve อยู่ตรงไหนบ้าง รุ่นที่เราได้ใช้วันนี้ สามารถดึงสาย Inflator แรงๆ เพื่อให้มันทำตัวเป็น Dump Valve ได้ด้วยว่ะ ตอนลองเรกูเลเตอร์ พบว่าเหมือนลิ้นวาล์วข้างในมันบัง ทุกครั้งที่หายใจเข้ามันต้องออกแรงต้านมากเป็นพิเศษ ครูบอกมันแห้งน่ะ ลงน้ำไปคงหาย

พอลงน้ำจริงๆ สรุปไม่หาย ครูเลยบอกให้คาบ Alternate Air Source สายสีเหลืองแทน ไดฟ์ที่ 50 ของอิฉันก็เลยได้มีความพิเศษเช่นนี้

ไดฟ์ไซต์อ่าวไข่ มีลักษณะเป็นลานทรายกว้างๆ ไม่ค่อยมีอุปสรรคมากนัก แต่ถึงแม้อากาศข้างบนจะสดใสเป็นบ้า แต่โลกใต้น้ำมีกระแสพอสมควร มองตะกอนฟุ้งๆ ลอยผ่านเพื่อน ทำให้รู้สึกเหมือนมีเอฟเฟคต์ลวงตาว่าเรากำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ลงไปและปรับตัวได้ ครูเก่งก็เริ่มหาตัวเล็กให้ดูทันที ใครบอกงมเข็มในมหาสมุทรเป็นเรื่องยาก อยากบอกให้ลองมาหานูดี้ดูนะ

แม้แลนด์สเคปจะเวิ้งว้าง แต่เราก็ได้เจอตัวเล็กตัวน้อยหลายตัวด้วยฝีมือการหาสัตว์ของครู ใครที่ชอบค้นในเน็ต อาจจะเจอรูป Sea Slug เจ้าทากทะเลหน้าตาแปลกประหลาด สีสดสวยมากๆ อยู่เต็มไปหมด อยากจะบอกว่ามันถ่ายโคตรยากเลยโว้ย เพราะพวกมันตัวเล็กมากๆ เราที่เคยเกาะจอดูรูปน้องแกะของคนอื่น พอมาวันนี้เจอน้องแกะของจริง คือมันมองดีเทลด้วยตาเปล่าไม่เห็นค่ะ น้องเป็นแค่ก้อนตุ่มสีเขียวๆ ที่อยู่บนใบสาหร่ายเขียวแหว่งเว้าที่เติบโตโดดเดี่ยวอยู่ที่พื้นทะเลย ใครจะคิดว่าเปิดโหมดมาโคร (แล้วกระเสือกกระสนทำให้ตัวนิ่งที่สุด เพื่อแลนดิ้งไปใกล้ๆ ใบสาหร่ายแล้วกดชัตเตอร์มันไปเยอะๆ มันจะติดบ้างแหละซักรูป) แล้วจะเห็นว่าน้องน่าตาน่ารักขนาดนี้

Costasiella spp.
น้องแกะ หรือ Nudibranch Costasiella spp.

Zebra Crab หรือ Zebrida adamsii ที่อาศัยอยู่ร่วมกับหอยเม่นแบบหนามสั้นๆ

ประมาณ Slug worm, Marine worms อะไรทำนองนี้แหละ ตัวเล็กมากๆ

น้องกระต่าย Sea bunny หรือ Jorunna parva

ทริปนี้เราเจอน้องกระต่ายหลายตัว แต่ถ่ายโฟกัสไม่เข้าซักตัว เสียดายความน่ารักปุ๊กปิ๊กของน้องจริงๆ แต่ทากทะเลถึงจะน่ารักยังไง อย่าได้คิดเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงนะ มันเลี้ยงไม่ได้ ท้ายๆ ไดฟ์เวลาที่ Air ในถังเริ่มน้อยลง ถังจะเบาแล้วเราจะทำให้ตัวจมได้ยากขึ้น ครูแว้บเอาตะกั่วที่เผื่อมาเติมใส่กระเป๋าขวาให้ทำให้จมตัวได้ดีขึ้นทันที แต่ก็ปวดหลังทันทีเช่นกัน (อันนี้คือออฟฟิศซินโดรมเรื้อรังน่ะนะ) หลังจากไดฟ์นี้ ขึ้นมาก็บอกครูว่า ขอไม่เติมแล้ว จะพยายามจมเองให้ได้ดีกว่า

ไดฟ์นี้คนลงน้อย บรรยากาศดี ไม่พบเจอใครทั้งนั้น ดำกันอยู่สามคนจนขึ้นเลย

51st Dive

ไดฟ์ไซต์เรือจมสุทธาทิพย์ หรือ Hardeep เอาล่ะ ทีนี้หนังชีวิตละแหละ ฮาร์ดีพเป็นเรือกลไฟที่โดนระเบิดจมตะแคงตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เกือบๆ จะร้อยปีแล้ว และเป็นตัวท้อปของย่านนี้ ลงได้เฉพาะ Advance Open Water ขึ้นไป เรารู้อยู่ก่อนแล้วว่าจะลำบากลำบน แต่ของอย่างนี้ ไม่โดนกับตัวไม่รู้สึก ก็ว่าทำไมพวกร้านดำน้ำถึงได้ต้องเช็คตารางน้ำขึ้นน้ำลงกันขนาดนั้นสำหรับจะแพลนการลงไซต์นี้

เราขอเปลี่ยน Octopus เพราะใช้สายเหลืองแล้วมันเหนื่อยคาบมาก มันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะคาบสบายเลยกัดซะแน่นเลย พอได้อันใหม่ก็ใช้สายดำได้ตามปกติ

ครูเก่งบอกว่า เราจะขึ้นและลงด้วยเชือกทุ่นเส้นเดิมนะ ครูบรีฟว่า กระแสน้ำที่นี่โดยมากมันก็จะแรงแบบนี้ทั้งปี แล้วเดี๋ยวเราจะดำกันแบบไม่ติดดีคอม ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินสามารถขึ้นสู่ผิวน้ำได้เลยโดยไม่ต้อง Safety Stop ถึงจะดำมาเกินครึ่งร้อย เราก็ยังไม่เข้าใจหรอกว่า มันคืออะไร

ทุ่นลอยเป็นวัตถุโปร่งเบารวมๆ เอาตาข่ายคลุมแล้วรวบเป็นก้อนขนาดใหญ่ลอยตุ๊บป่องอยู่เหนือผิวน้ำ เชือกทุ่นเป็นเชือกขนาดหนาเกือบเท่าข้อมือ ทันทีที่ลงน้ำและเกาะเชือก ครูก็ทำสัญญาณให้ไต่เชือกลงไป

แหมอยากจะถ่ายรูปตอนนั้น แต่ถ่ายไม่ได้ ฟองอากาศจำนวนมหาศาลของคนด้านล่างที่เกาะอยู่ที่เชือกเส้นเดียวกัน ตีหน้าเราอย่างรุนแรงจนน้ำเข้าหน้ากาก แล้วก็สำลักเยอะมาก เราพยายามเบี่ยงตัวออกจากกลุ่มฟองอากาศ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะคนที่เกาะอยู่ด้านล่างมีจำนวนเยอะมากๆ เรางงว่า ก็แล้วทำไมไม่ลงไปล่ะวะ ไอ้ปิ่นที่เกาะอยู่ข้างๆ รู้ตัวก่อนหรือมีคนลากมันไปก็ไม่รู้ มันเลยข้ามฝูงคนพวกนั้นแล้วไต่เชือกลงไป เราเลยไต่ตาม แล้วก็นึกได้ว่า อ๋ออออ พวกนั้นคือคนที่ทำ Safety Stop ตอนกำลังขึ้นนั่นเอง

ความฮอตของไดฟ์ไซต์นี้ และความที่ทุกคนดูตารางน้ำจากแอพเดียวกันเพื่อเลือกเวลาที่กระแสน้ำแรงน้อยที่สุด ทำให้มีเรือหลายลำพานักดำน้ำมารวมตัวกันที่นี่ พอไต่เชือกพ้นมวลมหาประชาชีได้ ทุกอย่างก็สงบลงอย่างที่มันควรจะเป็น เราเคลียร์หน้ากาก ปรับจิตใจซะใหม่ เพราะตอนสำลักน้ำไปอึกสองอึกเริ่มรู้สึกไม่โอเคขึ้นมา เชือกทุ่นทอดตัวยาวถึงก้นทะเล แล้วยึดโยงไว้กับเหล็กผุพังส่วนหนึ่งของท้ายเรือ แล้วครูเก่งก็พาเราดำด้านหนึ่งของเรือที่ใช้ตัวเรือบังกระแสน้ำไว้

น้ำขุ่นและเราลงลึกมากจนวิสัยทัศน์ไม่ค่อยดี เราร่อนตัวเลียบโครงเรือด้านนอกอย่างใกล้ชิดจนไม่ได้ถอยออกมามองดูว่ามันใหญ่โตขนาดไหน ครูเริ่มต้นฉายไฟหาตัวเล็ก ไฟฉายที่เติมสีแดง สาดไปตรงไหนก็สร้างความสดใสตรงนั้น ปกติเราไม่เปิดไฟฉาย เพราะรุงรังกล้องอยู่แล้ว แต่ถ้าไดฟ์ไซต์ที่มืดๆ มัวๆ แบบนี้ เราจะเปิดไฟฉายแล้วห้อยไว้เผื่อใช้ และเพื่อให้บั๊ดดี้และครูมองเห็นชัดๆ ด้วย

ครูพาเรามุดเข้าไปด้านในเล็กน้อย นักดำน้ำมากมายว่ายเฉียดกันไปมา ครูเลยพามุดออกแล้วดำเลียบอีกด้าน ลอยตัวขึ้นเหนือซากเรือเพื่อชมสิ่งมีชีวิตตัวเล็กตัวน้อยที่ไปเติบโตอยู่บนพื้นผิวที่เต็มไปด้วยสนิมหนาเขรอะๆ มีนักดำน้ำหญิงเดี่ยวหนึ่งท่าน มาป้วนเปี้ยนอยู่กับกลุ่มเรา เราไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันสับสน ปกติแล้วถ้าไม่ได้เรียนถึงขั้นสูงจริงๆ นักดำน้ำจะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำคนเดียว ยังไงต้องมีครู และต้องมีกลุ่ม แต่ถ้ามีใครดำเดี่ยวแล้วมาแจมกลุ่มเราเนี่ย เป็นไปได้ว่าเขาหลง เราจะคิดสับสนว่า เขาจะอยากได้ความช่วยเหลือไหม หรือเขาแค่ไม่แคร์กลุ่มของตัวเองแล้วฉีกออกมาดูอะไรตามใจชอบคนเดียว ใดๆ ก็ตาม เหตุการณ์ลักษณะนี้จะทำให้เราเสียสมาธิ วอกแวกพอสมควรเลย

จากนั้นไม่นานครูก็ทำสัญญาณมือว่าจะพาขึ้นไปทำ Safety Stop ตอนที่เวลาเพิ่งผ่านไปครึ่งชั่วโมงเอง ปกติเราจะเสียดมเสียดาย เพราะอยากอยู่นานๆ แต่สำหรับไดฟ์ไซต์นี้ รู้สึกว่า ขึ้นก็ได้วะ เหนื่อยอยู่เหมือนกัน แล้วครูก็ดูเข็มทิศแล้วมุ่งหน้าดำดิ่งลงไปในความลึก น้ำที่ขุ่นและแรงมากทำให้เรากับปิ่นตีขาตามครูไม่ทัน ทันทีที่ครูพ้นสายตาไปในความเวิ้งว้างของท้องทะเล เราก็จับแขนไอ้ปิ่นไว้ก่อน เพราะว่าหลงกับครูแล้วหนึ่ง อย่าให้ต้องหลงกับบั๊ดดี้

เราสองคนหยุดว่ายน้ำ แล้วเราก็เริ่มเอาไฟฉายมาแกว่งวาบๆๆ สาดไปในน้ำ ถ้าครูหันมาจะเห็นเลยว่า ไอ้สองตัวนี่หลงแล้ว แต่ครูก็ไม่กลับมาซะที บุยยันซีกับทิศทางของเราก็ไม่ได้ดีขนาดจะอยู่กับที่รอครูได้ เราเหลียวซ้ายแลขวา หันไปเห็นเชือกทุ่นเส้นดีเส้นเดิม ดู Dive comp พบว่าเราอยู่ที่ระดับ 14 ม. เราเลยลากแขนไอ้ปิ่นไปเกาะเชือกทุ่นรอครูกันดีกว่า เพราะคิดว่าครูจะต้องไปเริ่มต้นที่เชือกทุ่นด้านล่างนี่แหละ เกาะรอไว้นิ่งๆ ก็คงโอเคแล้ว

อยู่ๆ มีกระทาชายเสื้อเหลืองท่านนึง ดูเหมือนจิตอาสา ช่วยลากแขนไอ้ปิ่นกับเราไปเกาะเชือกทุ่นในลักษณะส่งขึ้นสู่ความสูง เราสบตาเขา ส่งสายตาแบบว่าสถานการณ์ไม่ปกติไป เขาเหมือนพยักหน้าเล็กน้อยแล้วหันหัวดิ่งลงไปตามสายเชือก เราเข้าใจว่าเขาน่าจะอยู่เรือลำเดียวกับเรา รู้ว่าทีมเรามีครูอีกคน เราเชื่อว่าเขาจะไปตามครูให้ จากที่คิดว่าจะเกาะเชือกทุ่นอยู่นิ่งๆ มันยังไงไม่รู้สาวขึ้นไปอีกเล็กน้อย ก็ไปเจอความชุลมุนขนาดใหญ่ที่จุด Safety Stop

คราวนี้ ไอ้ปิ่นหาซอกที่เอานิ้วหนีบได้ที่ระดับนึง แล้วก็ก้มหน้าดูไดฟ์คอมพ์ของตัวเอง ส่วนเราหาที่เกาะไม่ได้ บวกกับถูกมหาชนผลักไปมาก็ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ เสียงถังกระทบกันก๊องแก๊ง สุดท้ายเราขึ้นสู่ผิวน้ำโดยไม่ได้ทำ Safety Stop แล้วภาพสุดท้ายก่อนขึ้นจากน้ำเห็นแต่ไอ้ปิ่นแล้วก็ยังไม่เห็นครูด้วย ตอนนี้คือกังวลมากว่าครูจะตามหาอย่างยากลำบากขนาดไหนนะ ที่ก้อนทุ่น นักดำน้ำอีกสี่ห้าคนพุ่งตัวขึ้นมาตามหลังเรา เขามาจากเรือลำอื่น และเป็นกลุ่มเดียวกัน เขาไล่เราออกจากทุ่น “ออกไปครับ ออกไป” เราบอกว่ารอเพื่อนค่ะ เพื่อนยังไม่ขึ้นมา เขาก็ตะคอกอีก “ออกไป ออกไปจากทุ่น”

เราโดนตะคอกแบบจริงจังเลยลอยตัวออกมา แต่สายตายังมองกลับไปแถวๆ ทุ่นรอเพื่อน แล้วคนดีกลุ่มนั้นก็จับตัวรวมกันอยู่แถวๆ ทุ่นที่ไล่เราออกมาแล้วคุยกันว่าพวกเขาก็รอเพื่อนอีกคนนึง โอเค คนทุกประเภทก็มีอยู่ทุกวงการจริงๆ อะเนอะ

จนไอ้ปิ่นขึ้นมา เราสองคนเกาะเชือกเรือดิงกี้ที่เซอร์วิสลากนักดำน้ำไปส่งเรือใหญ่ (ตรงนี้เป็นอะไรที่ทุ่นแรงได้ดีมาก) เรายังตกใจอยู่เพราะครูไม่ขึ้นมาซักที ไอ้ปิ่นบอกว่ามันเห็นครูแล้ว แต่น้ำเข้าหน้ากากอยู่เลยไม่สามารถเรียกครูได้ เราขึ้นมาปลดอุปกรณ์นั่งรอ ครูตามขึ้นมาในซักหนึ่งถึงสองนาที เรานี่ยกมือไหว้ขอโทษครู ที่กลายเป็นว่าเราหาครูไม่เจอเลยลากเพื่อนขึ้นมาซะเฉยๆ ครูเล่าว่าว่ายกลับไปหาถึงที่เรือตั้งสองรอบ แต่ครูบอกว่าไม่เป็นไรๆ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงครู ครูรอดอยู่แล้ว อันนั้นเข้าใจ แต่ครูจะตกใจแค่ไหนเวลาลูกทีมหาย อันนี้ต่างหากที่เป็นห่วง

ไดฟ์ไซต์นี้นอกจากจะมีวีรกรรมแล้ว ยังทำลายสถิติความลึกที่เราเคยลงมาด้วย ไดฟ์คอมพ์แจ้งว่าเราลงไป Max สุดที่ 27.4 ม.

52nd Dive

ปิดท้ายวันด้วยไดฟ์ไซต์โรงโขนโรงหนัง กลับสู่ความชิวๆ อีกครั้งกับไดฟ์ไซต์ไถทรายหาตัวเล็ก บวกกองหินกับปะการังอีกนิดหน่อย มือที่ได้รับบาดแผลจากความชุลมุนที่เชือกทุ่น แสบจี๊ดจ๊าดตอนกลับลงทะเลอีกรอบ น้ำขุ่นและมีกระแสเหมือนอ่าวไข่ บั๊ดดี้ปิ่นที่ลอยตัวชิวๆ ครูที่ฉายไฟอย่างพินิจพิเคราะห์ตามกิ่งก้านของพืชแปลกๆ ใต้น้ำ เราหาตัวอะไรไม่ค่อยจะเป็น เลยฝึกบุยไปพลางๆ แล้วก็คิดว่า สามไดฟ์มันน้อยไป ถึงจะเหนื่อย ถึงจะปวดหลัง และถึงจะแสบแผล แต่ก็อยากดำอีก โชคดีที่อาทิตย์หน้าเราจะไปหินเพิงอีกรอบแบบ One day dive อีกเช่นกัน คิดแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องเศร้าจนเกินไป แค่ต้องขับรถสู้ชีวิตก็แค่นั้น

ผลงานของไดฟ์นี้

ทากหนามม่วง หรือ Flabellina rubrolineata
Painted Hypselodoris น้องเกาะได้สวยอำนวยความสะดวกให้ช่างภาพมือใหม่ไร้การทรงตัวมากๆ
(หาชื่อน้องไม่เจอ ติดไว้ก่อน เจอเมื่อไหร่ไว้มาแก้ทีหลัง)
ทากเปลือยปุ่มส้ม หรือ Ocellate Phyllidia
Hypselodoris pulchella หรือ Goniobranchus aureopurpureus?
(ไม่แน่ใจ หน้าตามันเหมือนตัวนั้นติดตัวนี้หน่อย)
อีนี่ไม่รู้เลยว่าคือตัวอะไร ครูให้ถ่ายก็ถ่าย ตัวมันน่าจะแข็งๆ ตัวเล็กมากๆ เกาะแน่นเลย
ตัวนี้ตัวเดียวที่ไม่ได้ถ่ายเอง เพราะดูไม่ออกว่าไหนทาก นึกว่าเป็นเงาดำซะอีก
นี่ก็หาชื่อไม่เจอ ยอม.
ปิดท้ายด้วยน้องกระเบน อันเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เราได้เจอในทริปนี้แล้ว
(และดูน้ำขุ่นๆ นั่นสิ)

ในที่สุดก็ถึงเวลาต้องขึ้นจากน้ำ ถังออกซิเจนที่ถูกใช้ไปเกินครึ่งเริ่มเบา ทั้งเราทั้งไอ้ปิ่นลอยตุ๊บป่องแซงซอสเสจขึ้นไปสู่ผิวน้ำแต่พยายามไต่ตามสายซอสเสจกลับลงมาทำ Safety Stop ปรากฏว่าครูดึงไม่ไหวเลยขึ้นมันหมดทั้งสามคน โอ๊ย ชั้นจะบ้าตาย ครูบอกว่า เป็นไรกันอะ ไดฟ์สุดท้ายลอยตุ๊บป่องกันหมดเลย เราหัวเราะคริๆ สงสัยจะกินเข้าไปเยอะ

เรือ The Shark ลอยตัวอยู่ห่างไปเล็กน้อย ขับมารับเราแล้วมุ่งหน้ากลับฝั่งโดยทำเวลาได้ดีมาก เราอาบน้ำสระผมทำตัวแห้งๆ หอมๆ เตรียมกินอาหารเย็น ครูเก่งแนะนำมาร้านนึง แต่มันไม่ติดทะเล แล้วบรรยากาศวันนั้นมันดีมาก เลยเลือกร้านที่อยู่ละแวกเดียวกันแต่มีบรรยากาศติดสะพานและพระอาทิตย์ตกยามเย็นให้เสพไปพร้อมๆ กับมื้อค่ำ อากาศดีแสนสบาย แต่อาหารทุกอย่างเด่นเปรี้ยวหมด เราสองคนก็พึมพำกันว่า เราปากเค็มมากไปหรือมันเป็นสไตล์ของร้านนี้กันแน่ฟระ พออิ่มหนำ เติมคาเฟอีนซักแก้วแล้วก็บึ่งกลับ กทม. กันเลย ถึงเวลาน้อยก็ลอยคอในน้ำได้ถ้าใจสู้ และคอลลาเจนข้อเท้ายังไหวนะจ๊ะ

Diving Data

25 Nov 23

การเดินทางของเมอร์เมด

ข้อดีของการมีชีวิตอยู่ยาวนาน (หรือเรียกแบบไม่ปรานีก็เรียกว่า “แก่”) คือเรื่องเล่ามันจะเชื่อมโยงพาดไปมาและลึกซึ้งด้วยกาลเวลาที่หมักบ่ม คนเราเปลี่ยนแปลงเสมอ แต่ก็มีบางอย่างคงเดิมเสมอด้วยเช่นกัน วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเรา กับการดำน้ำลึก หรือ Scuba Diving ซึ่งเดินทางกันมายาวนานอย่างกระท่อนกระแท่นเดี๋ยวเบาเดี๋ยวผ่อน สิบกว่าปีผ่านไป จนมาถึงวันนี้ วันที่นึกอยากติดหางที่ปลายขา แลกมาด้วยการงดส่งเสียงและเงินพอสมควร ก็จะพุ่งตัวลงน้ำได้ตามอัธยาศัย แต่สปอยล์ไว้ก่อนว่าเรื่องนี้ไม่มีเจ้าชายนะ

สิบกว่าปีก่อน โดนพี่เจนป้ายยาหลังจากไปสนอร์คเกิลลิ่งที่หมู่เกาะสุรินทร์ว่า ต้องเรียนสกูบ้านะ มันจะดีกว่านี้อีก ตอนนั้นโดนป้ายพร้อมกันกับนังปิ่นเพื่อนวิศวะ คำว่าสกูบ้ามันก็เลยวนๆ อยู่ในหัว สุดท้ายเราสองคนก็ไปหาโรงเรียน เรียนกันไปจริงๆ แต่ตอนนั้นเราเลือกเรียนในกรุงเทพฯ (สมัยสาวๆ บ้างาน ไม่ยอมลางานทีละหลายวัน) ทำให้การเรียนในห้องเรียนสัปดาห์ละ 1 ชม. มันทอดตัวเนิ่นนาน ทฤษฎีแน่นโคตรที่ส่งผลชนิดไม่ดีต่อการปฏิบัติภาคสนาม เริ่มมาก็รู้เลยว่า กูห่วยในวิชานี้แน่นอนค่ะซิส

อาการแพนิคเริ่มตั้งแต่ลงสระว่ายน้ำ และกว่าจะเรียนแต่ละสกิลผ่านมาได้ก็แสนจะขลุกขลัก กลัวมันไปหมดทุกอย่าง ตอนสอบ เราไปสอบที่แสมสาร โอ้โห.. ศูนย์รวมความบรรลัยเลยวันนั้น น้ำขุ่น ทะเลมีคลื่น ไม่มีสัตว์ให้ดูยกเว้นดงหอยเม่น เจ็ตสกีวิ่งว่อนที่ผิวน้ำ กว่าจะจมตัวลงไปได้ หนังชีวิตมากๆ พอลงไปแล้ว ทัศนวิสัยต่ำเตี้ยมองเห็นแค่บั๊ดดี้นังปิ่นที่หนาวตัวสั่น ครูสั่งให้รอ ครูจะไปสอบนักเรียนคนอื่นก่อน ซึ่งจริงๆ คงไม่ไกลแหละ แต่น้ำมันขุ่นมาก มองไม่เห็น ได้แต่ยืนจับเชือกมองหน้ากันอยู่สองคน นังปิ่นหนาวสั่นจนจับเชือกเขย่าแมกนิจูดเกือบครึ่งเมตร (อยู่ในน้ำทุกอย่างขยาย 30% แหละ) เราถามตัวเองซ้ำๆ ว่า เราจะได้เห็นแสงตะวันอันอบอุ่นอีกครั้งก่อนตายไหม อันนี้คือความรู้สึกจริงๆ ไม่ได้เอาฮานะ มันกลัวขนาดนั้นเลย

1st-4th Dive

สี่ไดฟ์ทั้งสอบทั้งว่ายเล่นชมดงหอยเม่น เรามีอภินิหารหมดสติใต้น้ำไปหนึ่งครั้ง โดนครูกด reg ใส่หน้าไปที รู้สึกตัวขึ้นมาตาใส การลอยตัวห่วยมากจนตกใส่ดงหอยเม่นไปรอบนึงในท่าคว่ำ โดนปักเต็มข้อเท้า น้ำตาไหลในหน้ากากคนเดียวเงียบๆ จากวีรกรรมทั้งหลายในที่สุดเราก็ได้บัตร Open water ของ PADI มา แต่ครูบอกอย่าไปดำกับคนอื่นนะ เดี๋ยวตาย ให้กลับมาฝึกกับครูก่อน จนมาถึงวันนี้ เราคิดว่าเราพื้นฐานอาจจะห่วยจริง แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะครูไม่คลิกด้วย ใดๆ คือขณะนั้นก็เชื่อตามที่ครูบอก ซึ่งในความหมายที่เราแปลได้คือ มึงไม่ต้องดำน้ำ มึงหยุดไว้แค่นั้นเลย ได้บัตรมาก็เลยเก็บใส่ลิ้นชักไว้เฉยๆ แถมเก็บบัตรเพื่อนเอาไว้ด้วย ชั่วไปอีก

เก้าปีผ่านไป

ย้ายบ้านแล้วหนึ่งครั้ง กับข้าวของมหาศาล บัตร PADI ทั้งสองใบก็ยังไม่หาย นังเพื่อนปิ่นก็ชิวซะจนแทบไม่ทวงถามเลยว่า มึงหลอกกูไปเรียนทำไม ถ้าเรียนแล้วมึงจะไม่กลับไปดำน้ำอีก เก้าปีผ่านไป มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิตเยอะมาก ผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหลายรอบ เขาบอกว่าคนเรายิ่งแก่ยิ่งกลัว แต่ข้อสันนิษฐานนี้ใช้ไม่ได้กับเรา เรายิ่งอยู่นานยิ่งรู้สึกกลัวน้อยลงเรื่อยๆ วันนึงก็เกิดคิดถึงการดำน้ำลึกขึ้นมาเฉยๆ พอไปเจอแพ็คเกจสู้โควิด (ตอนนั้นเพิ่งหมดซีซั่นแรก) ที่มนต์ทะเล เกาะเต่า ราคางดงามมาก รวมที่พักและดำน้ำแบบ Discover Scuba Diving (DSD) เลย ก็เลยกลับไปถามเพื่อนว่า เรามาหวนคืนท้องทะเลลึกกันไหม

DSD คือโปรแกรมสำหรับคนที่ยังไม่เคยเรียนจบมาก่อน จริงๆ เราควรจะไป Refresh แล้วก็ Fun Dive ต่อได้เลย แต่เราไม่อยากวนกลับไปทำสกิลต่างๆ อีกแล้ว (เกลียดสุดคือถอดหน้ากากออกที่ก้นทะเลแล้วใส่กลับไปใหม่ พร้อมเคลียร์หน้ากากไล่น้ำออก) เราเลยลองเลือกไป DSD แทน อยากรู้ความรู้สึกว่าหายกลัวไปบ้างรึยัง

ตอนไป DSD น่าจะเป็นช่วงเปิดสู่โลกหลังล็อคดาวน์รอบแรก เราอ้วนสุด maximum ของชาตินี้แล้ว แม่งไม่จม ถ่วงตะกั่วไป 11 ก้อนจนแทบไม่มีที่ร้อยกับเข็มขัด ด้วยปริมาณตะกั่วขนาดนี้ เรียกว่ากลับมาทบทวนชีวิตเลยล่ะ ช่วงนั้นเคยประกาศไว้ว่า ถ้าวันใดเกิดเหตุการณ์ฉันเสียชีวิตเพราะจมน้ำ ขอให้มั่นใจว่าเป็นการฆาตรกรรม เพราะฉันไม่จมโว้ย โปรแกรมนี้หลังจากเซ็นใบ disclaimer แล้ว คุยทฤษฎีกันนิดหน่อยแล้วทดลองลอยตัวในสระ อย่าว่าแต่วิธีประกอบอุปกรณ์เลย แม้แต่ชื่อเรียกอุปกรณ์ยังจำไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้พบคือความกลัวมันหายไปเยอะมาก เรารู้สึกสบายๆ กับการฝึก ถึงตอนนั้นจะอ้วนมากซึ่งส่งผลกับ Buoyancy แต่ก็ยังพอไหว เพราะได้มาเจอคนที่ปลดล็อคความกังวลในใจให้เป็นคนแรก คือครูยูกิ

ครูยูกิเป็นหนุ่มน้อยที่รักการดำน้ำจนมาทำงานอยู่เกาะเต่า ผ่านโควิดมาอีกหลายซีซั่น ตอนนี้ครูยูกิไม่อยู่ที่มนต์ทะเลแล้ว ไม่ว่าวันนี้ครูยูกิจะอยู่ไหน อยากจะขอบคุณคำพูดที่ปลดล็อคคำนั้น ครูยูกิบอกแทบจะคำแรกๆ ของการบรีฟว่า ตอนลงไปในน้ำมันจะอึดอัดหน่อยเพราะเราไม่เคยชิน แต่อย่าลืมว่า เรายังขึ้นมาได้เสมอ ขอให้อดทนอีกแค่นิดเดียว อย่าเพิ่งพุ่งขึ้นมา คำว่า เรายังขึ้นมาได้เสมอ มันตอบคำถามเมื่อเก้าปีก่อนที่เราเฝ้าถามตัวเองว่า เราจะได้กลับมาเห็นแสงอาทิตย์อันอบอุ่นอีกไหม เหมือนครูยูกิขึ้นไทม์แมชชีนไปบอก นังแอ้ในเก้าปีก่อนว่า ได้สิ ได้เสมอ ไม่ต้องกลัว จากนั้นเราก็รู้ตัวเลยว่า เราไม่กลัวน้ำลึกอีกต่อไปแล้ว

2 ไดฟ์ DSD

เราโดนหิ้วเป็นหมากระเป๋า เพราะลอยตัวเองได้ห่วยมาก ในขณะที่นังปิ่นลอยตัวสบายๆ เหมือนเก้าปีที่ผ่านมาได้ไปดำน้ำมาบ่อยๆ งั้นแหละ นางแกร่งจริง ต้องยอมนางเลย หลังจากยัดตะกั่วไปรอบตัวจนเสียสมดุลไปหมด ครูเจมส์ก็จับหลังเสื้อ BCD เรา ลากไถไปมาเหมือนเด็กเล่นรถของเล่น พอมีอะไรน่าสนใจก็จับเราไปชูตรงหน้าสิ่งนั้นๆ (และจับให้เราเผชิญหน้ากับปลาปักเป้าตัวใหญ่นานเกินไปมาก อยากบอกว่าใกล้ไปแล้ว เสียวโว้ย แต่ไม่รู้ภาษามือต้องทำท่ายังไงเลยขึงตาใส่ปลาปักเป้าพยายามส่งกระแสจิตบอกว่า กูก็ไม่ได้อยากจ้องมึงนานขนาดนี้ แต่กูก็โดนจับลากเป็นตุ๊กตามิชลินหน้ารถสิบล้ออยู่ เข้าใจกูด้วย) เราอยากบอกให้เจมส์ปล่อย อยากลองว่ายเอง เราว่าให้ลองหน่อยเดี๋ยวก็ทำได้ แต่ครูเจมส์ลากเราเหมือนเป็นกระเป๋าใบโตๆ ตลอด 2 ไดฟ์ เล่นเอาต่อมอยากเรียนต่อสั่นพั่บๆๆๆ พอขึ้นมาจากน้ำเลยถามว่า ชั้นควรทำไงถึงจะดำเก่ง ชั้นควร Refresh หรือเรียน Open water ใหม่อีกรอบมั้ย ครูทั้งสองบอกว่า ยูควรเรียน Advance Open water ไปเลย

เรากังขามาก ระดับอนุบาลยังไม่ได้เลย จะให้ไป Advance เลยเหรอฟระ แต่ก็เก็บไอเดียนี้ไว้ในใจจนเจอโปรโมชั่นพร้อมที่พักของมนต์ทะเลอีกครั้ง เราก็ป้ายยานังปิ่นจนจองไปพร้อมกันสองคน (มีเพื่อนหลอกง่ายนี่ก็สะดวกไปอย่าง)

แล้วโควิดระลอกใหม่ก็โจมตีแบบแรงมาก แพ็คเกจนั้นเลยถูกต่อเวลาซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาเป็นแรมปี

5th-7th Dive

ปลายปี 2021 เราไปภูเก็ตกับนังทูน ไม่สนว่าสกิลไม่ได้พัฒนา ไม่ได้ศึกษาต่อ ด้วยความไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว ก็ซื้อทัวร์ Fun Dive one day ดำน้ำเกาะราชามันซะเลย ส่วนประวัติการศึกษาวิชาสกูบ้าศาสตร์ของนังทูน ก็ไม่มีอะไรมาก โดนเราป้ายยาไปมนต์ทะเลจนจบ Open Water มาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย กิจการร้านรวงคะ มาจ้างดิฉันเป็นแบรนด์แอมบ๊าสสิเด้อได้นะคะ เรื่องอะไรอาจจะไม่เก่งในชีวิตนี้ แต่เรื่องป้ายยาอันนี้สายแข็ง

เราใช้แพ็คเกจของบางเทาไดฟ์เซ็นเตอร์ ซึ่งราคาแพ็คเกจดำน้ำที่ภูเก็ตแทบจะเหมือนๆ กันทุกเจ้า ถ้าเทียบกับเกาะเต่าก็ดูราคาสูงหน่อย ได้ดำวันละ 3 ไดฟ์ แต่เรือหรู อาหารทำสดใหม่บนเรือ และมีบริการถ่ายภาพให้ด้วย สวยเวอร์วังไปอีก ส่วนข้อเสียคือ พวกที่ซื้อทัวร์ดำน้ำอันดามันส่วนมากเป็นพวกสายแข็ง (อันนี้มารู้ทีหลัง) บรรยากาศการลงน้ำมันจะวอร์ๆ นิดนึง ไม่มีเวลาให้ยืนทำใจหรือชักช้าอะไรเท่าไหร่ ทริปนี้เราใช้ตะกั่วประมาณ 6 กก. ซึ่งภาคภูมิใจมาก

ตอนนั้นเรากับทูนได้เพื่อนใหม่อีกคนชื่อน้องอ้อม ซึ่งน่าจะอายุเยอะกว่านังทูน แต่เราไม่เรียกนังทูนว่าน้องตูน เพราะตัวมันดูไม่น่าทะนุถนอมตรงไหน ครูต้นหนุ่มใต้ท่าทางใจดีเป็นไดฟ์ลีดดูแลเราทั้งสามคน เราบอกครูต้นก่อนว่า เราร้างลาไปนาน และสกิลแย่มากนะ หรือสโลแกนสั้นๆ ว่า มีแต่ใจไร้สกิล ครูต้นซึ่งก่อนหน้านี้ประกอบกล้องเข้ากับสโทรปครบชุด ค่อยๆ ปลดอุปกรณ์ทุกอย่างออกจากกันอย่างเงียบๆ แล้วถือแค่กล้องใส่เฮาซ์ซิ่งพาพวกเราลงไดฟ์แรก และอภินิหารของอิชั้นก็ทำให้ครูต้นซาบซึ้ง จนยกแบตแฟลชและอุปกรณ์ชิ้นอื่นให้เพื่อนๆ ยืมใช้ในอีกสองไดฟ์ที่เหลือ

การต้องไล่จับเราที่พุ่งไปมาในน้ำดุจดังเขียดตะปาดในห้องน้ำแคบๆ อาจจะสิ้นเปลืองพลังงานอยู่พอสมควร ไดฟ์สองและสาม ครูต้นก็ให้เราไปว่ายข้างๆ แล้วก็คอยคว้าไว้เวลาเราจะพุ่งขึ้นฟ้าไปอีก เรายังรักทะเลเหมือนเดิม และดำน้ำห่วยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ เราไม่กลัวอะไรเลยเว้ย เพราะเรายังกลับขึ้นไปหาแสงแดดได้เสมอ อย่างที่ครูยูกิบอกไว้

ไดฟ์ไซต์เกาะราชาน้อย เกาะราชาใหญ่วันนั้นสวยมาก น้ำใส แดดส่องถึงก้นทะเล ทำให้ทุกอย่างมีสีสันสวยงาม เรารู้สึกมีพลังแรงกล้า ว่าจะกลับไปเรียน Advance ที่เกาะเต่าให้จบๆ ครูต้นประมวลผลเมื่อจบสามไดฟ์ว่า (ในวงเล็บ แม้จะเริ่มต้นได้น่าสะพรึงแต่..) การลอยตัวค่อยๆ ดีขึ้นนะ ต้องฝึกบ่อยๆ จะทำได้เอง นอกจากขอบคุณครูแล้ว ต้องขอบคุณทูนกับน้องอ้อมด้วย ที่อดได้รูปสวยๆ (พอเอาสโทรปออก แสงแฟลชหัวกล้องมันจะไม่ค่อยพอ รูปก็จะไม่สวยเท่าปกติ) แต่ไม่เอือมระอาเรา โอเคนังทูนมันคงเอือมแต่ไม่มีทางเลือกไง แต่ขอบคุณน้องอ้อมมา ณ ที่นี้

8th-13th Dive

ราว 11 เดือนต่อมา (ก็บอกแล้วเรื่องมันยาว)

นังทูนแอบไปศึกษาต่อจนจบ Advance Open water มาจากมนต์ทะเล เรากับนังปิ่นบั๊ดดี้คนแรกก็ยังไม่ได้กลับไปศึกษาต่อ ด้วยสถานการณ์โควิด ด้วยคิว ด้วยงบประมาณ (อันนี้ปัญหาชั้นเอง) ฯลฯ แต่เพราะความมั่นหน้าเรากับทูนก็จะไปดำ Fun dive ที่ภูเก็ตกันอีก คราวนี้ป้ายยาให้พี่ตั้มสหายร่วมแก๊งไปเรียน Open water พร้อมกันเลย (จริงๆ ป้ายมาเป็นปีๆ ละ เพิ่งสำเร็จ) โดยดีลกับทางครูต้นขอออกทะเลพร้อมกันได้ไหม ครูต้นบอกว่าได้เลย พวกที่เรียนก็ออกไปสอบกับเรือ Fun Dive นี่แหละ จริงๆ ปูจะไปเรียนด้วยอีกคน แต่มีเหตุให้ต้องยกเลิกไปก่อน

ต้นเมษา 2022 การท่องเที่ยวภูเก็ตกลับมาแล้วตั้งแต่แซนด์บ๊อกซ์หรือจะเป็น dirt box หรืออะไรก็ตามแต่ เราเคยรู้สึกผงะกับการเปิดเผยเนื้อหนังมากมายของชาวตะวันตก แต่ตอนนั้นต้องกลั้นหายใจกับการเผยหนังหน้าของพวกเขาแทน ฝรั่งไม่ใส่หน้ากากกันแล้ว ถ้าไม่ใช่จุดบังคับจะไม่ใส่เลย คงเพราะคนที่ตัดสินใจเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาบ้านเราด้วยความอยากเที่ยว อาจจะมีฟิลลิ่ง Don’t give a shit กันแล้วมั้ง

เราใช้บริการบางเทาไดฟ์เซ็นเตอร์เช่นเดิม กลุ่มแยกออกเป็นสองกลุ่ม พี่ตั้มเรียนและสอบกับครูกี และเรากับทูนได้ดำน้ำกับน้องชายสุดทะเล้นที่ชื่อฟาร์ม ฟาร์มเป็นอีกคนที่เรายกให้เป็นประทีปส่องปัญญาสำหรับในด้านการสกูบ้า ครู/ไดฟ์ลีดแต่ละคนในโลกนี้ไม่มีใครเหมือนกัน เราชอบเรียกทุกคนว่าครูเพราะไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ทุกไดฟ์ที่ได้ลงไป เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ กลุ่มเรียน และกลุ่ม Fun dive ของเราสามคนแยกกันดำตอนสอบ และพอพี่ตั้มสอบผ่านหมด เราก็มา Fun dive ด้วยกันและได้ถ่ายรูปหมู่สามคนใต้น้ำเป็นครั้งแรก เรารู้สึกเห็นภาพซ้อนทับกับบรรยากาศที่เราสามคนเคยเดินแถ่ดๆๆ อยู่ตามเซ็นทรัลด้วยกันแล้วมันรู้สึกฮึกเหิมภูมิใจเหลือเกิน

ก่อนจะเจอฟาร์มเราพัฒนาความรู้สึกมาถึงจุดที่ว่า เฮ้ยดำๆ ไปเถอะไม่ตายหรอก แต่สิ่งที่ได้จากฟาร์มคือความสบายอกสบายใจเวลาอยู่ใต้น้ำ เหมือนชั้นเป็นแอเรียล และถ้าชั้นเป็นแอเรียลชั้นคงจะไม่อยากขึ้นฝั่งเลย เพราะโลกใต้น้ำมันสวยและเย็นสบายสุดๆ ตอนว่ายน้ำตามอีฟาร์ม เราได้ยินเสียงเพลงอู้อี้เบาๆ พอขึ้นมาเราเลยไปถามฟาร์มในห้องสต๊าฟว่า แกร้องเพลงเหรอฟาร์ม ชั้นได้ยินเสียงเพลง ถ้ามันไม่ใช่แกชั้นก็ได้ยินนางเงือกล่ะวะ ฟาร์มยิ้มอายๆ บอกว่า ใช่ พร้อมเพื่อนๆ สต๊าฟหัวเราะกันใหญ่

คนเรามันต้องมีความสุขขนาดไหนถึงได้ดำน้ำไปร้องเพลงอู้อี้ๆ ไป และใช่แล้ว เราส่งเสียงในน้ำได้ แค่มันจะออกมาน้อยมาก ต้องตะโกนเป็นพยางค์สั้นๆ ถึงอย่างนั้นก็ทำได้นะ ฟาร์มพาเรากับทูน ทำอะไร First time เต็มไปหมด เราลงลึกกว่าที่ใบอนุญาตของเรายอมให้ลงไปนิดหน่อย ฟาร์มพาเรามุดซากเรือจม และมุดโถงลากูนใต้น้ำ โดยมีครูกีกับพี่ตั้มดำอยู่ด้านนอก ครูกีที่เคร่งครัดและมั่นคงในหลักการด้วยความปลอดภัยสูงสุด ยอมให้ลูกศิษย์อันตรายได้แค่ผงเหล็กจากซากเรือด้านนอกเท่านั้น ส่วนอีฟาร์มและอ้วนๆ สองตัวไม่กลัวตาย ก็มุดเข้ามุดออกกันสนุกสนาน ตอนไจแอนท์ลงน้ำในทุกๆ ไดฟ์ เราไปจ่ออยู่คนแรกๆ เสมอ เพราะอยากอยู่ในน้ำนานสุดๆ ฝรั่งนับสิบๆ ก็เช่นกัน ตอนลงน้ำแต่ละไดฟ์ บรรยากาศเหมือนเพนกวินที่ขั้วโลกแห่ลงทะเล ไดฟ์นึงเราเกือบโดนเหยียบหลังแต่รู้แกวเลยถีบตัวออกทันท่ามกลางสายตาหวาดเสียวสุดๆ ของฟาร์มกับนังทูนที่ดูอยู่

จบทริปสองวันแบบอิ่มอกอิ่มใจ และกระหายอยากเรียนต่อสุดๆ

14th-18th Dive

ในที่สุดก็ได้เวลา เรากับนังปิ่นกลับไปศึกษาต่อ Advance Open water ที่มนต์ทะเล เกาะเต่า ในเดือนถัดมา อากาศเริ่มไม่โสภาแล้ว แต่คนมันกระเหี้ยนกระหือรือ เลยโดนรับน้องไปชุดใหญ่ เกาะเต่าไม่เคยปรานีเราอย่างไรก็อย่างนั้น ช่วงพฤษภา 2022 ผู้คนเริ่มกลับสู่การเดินทาง โปรโมชั่นดำน้ำที่เกาะเต่าเคยจัดไว้อย่างมากมาย เริ่มได้รับความสนใจอีกครั้ง เราได้เรียนกับครูขวัญ ขาใหญ่แห่งมนต์ทะเล ผู้ประสิทธิ์ประสาทนักดำน้ำมานับไม่ถ้วน (ครูบอกนับไม่ถ้วนจริงๆ) ปกติครูขวัญจะเข้มงวด ขึงขัง แต่วันนั้นลูกศิษย์มีสองกลุ่ม ครูขวัญคนเดียวควงกะตั้งแต่เช้ายันค่ำ ความเข้มงวดหายไปเยอะ เห็นครูเดินซีดๆ ยังคิดว่าครูจะเป็นลมมั้ยนะ ครูได้กินข้าวบ้างยังนะ

เรียนและสอบทั้งหมด 5 ไดฟ์ใช้เวลา 2 วัน เราก็จบการศึกษาระดับ ป.2 ซะที การเรียน Advance ไม่ยากแล้ว มีแต่ความสนุกซะมากกว่า แต่ที่สาหัสคือสภาพอากาศ วันแรกน่ะดี แต่วันที่สองเจอทั้งคลื่นทั้งลม ทั้งกระแสน้ำ ไดฟ์ 2 ของวันที่ 2 ท้าทายสุดๆ อีตอนที่ขึ้นจากเรือมาสู่ท่าเรือไม่ได้ เพราะคลื่นโยนสูง ทีมงานมนต์ทะเลได้สรรสร้างวิธีการขึ้นเรือแบบทอม ครูซให้พวกเราโดยการให้ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ซึ่งจะได้ระดับสูงกว่าพื้นท่าเรือเล็กน้อย แล้วถอยรถกระบะ เปิดท้ายแบๆ มายื่นตรงหน้า ลองนึกสภาพ ว่าเรากำลังอยู่บนดาดฟ้าเรือที่โยนขึ้นลงตลอดเวลา กับรถกระบะที่เลื่อนมาจนท้ายยื่นออกจากท่าเรือ รอทีมงานให้สัญญาณ แล้วกระโจนจากดาดฟ้าเรือไปบนกระบะรถ บอกเลยอยากถ่ายทำภาพยนตร์ฉากนั้นมากกก แต่ทำไม่ได้ กลัวตายหล่าวววว

1 ปีต่อมา จนถึงวันนี้เราสะสมยอดการดำน้ำได้ 35 ไดฟ์แล้ว สกิลยังง้องแง้งแต่ไม่เป็นภาระใคร เอาตัวรอดและมีความสุขได้เมื่อได้ปะทะน้ำ ยังไม่ได้ร้องเพลงใต้น้ำแบบที่ฟาร์มเคยทำ ได้เจอไดฟ์ลีดที่น่ารักอีกมากมายหลายคน ได้ดำน้ำในที่สวยๆ เยอะแยะไปหมด ได้เจออากาศไม่ดีล้มลุกคลุกคลานก็ไม่น้อย สถานการณ์ฉลามวาฬขึ้นชุมพร ฉันอยู่ภูเก็ต พอฉันอยู่ชุมพรน้องไปขึ้นพีพี ก็มีให้ได้กลอกตา พี่ตั้มจบ Advance แล้ว ตอนนี้เราเลยมีกลุ่ม Advance ของตัวเอง 4 คนคอยป้ายยากันไปมาจนเงินเก็บชั้นร่อยหรอ เรากับพี่ตั้มมีกล้องคนละตัว ล่าสุดที่ชุมพร ดำกับครูพี่แจ้สุดชิว ที่ปล่อยพวกเราดำแบบสบายๆ ถ่ายรูปถ่ายคลิปเล่นกันใต้น้ำ เรารู้สึกเห็นภาพซ้อนทับกับบรรยากาศที่เราเดินเล่น ผลัดกันถ่ายรูปอยู่ตามสวนรถไฟด้วยกันแล้วมันรู้สึกสุขใจ

มันจะมีคำกล่าวของชาวดำน้ำอยู่ประโยคนึงที่พูดว่า หาเงินมาถมทะเล ทุกวันนี้เหนื่อยเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะหมดใจหรือหมดแรง ก็ฮึบไว้อีกนิด แล้วคิดถึงค่าแพ็คเกจดำน้ำไว้ มันพอช่วยได้อยู่นิดนึง

รักนะไอ้ต้าวท้องทะเล

ขอบคุณภาพสวยๆ ทั้งจากไดฟ์ลีดหลายๆ คน และภาพจากพี่ตั้ม และขอบคุณตัวเองที่แม้จะบุยห่วยแค่ไหนก็หนีบกล้องไปด้วยตลอด หวังว่าวันหน้าจะถ่ายดีขึ้นเรื่อยๆ นะ

Directory
สถาบันดำน้ำต่างๆ ที่เคยได้ใช้บริการมาและประทับใจ ยังไม่เคย Liveaboard ทั้งหมดด้านล่างนี่คือใช้บริการ Day trip นอน รร. จ้ะ ที่มีบริการถ่ายรูป เฉพาะ จ.ภูเก็ตเท่านั้นนะ ที่เหลือคือถ่ายกันเองอีป๊อกอีแป๊ก

  • บางเทาไดฟ์วิ่งเซ็นเตอร์ จ. ภูเก็ต ด้วยราคาที่แพงกว่าจังหวัดอื่นนิดนึง แต่บริการทุกระดับประทับใจ อยากได้อะไรบอก คัสตอมตามใจลูกค้าสุดๆ ถ่ายรูปสวยเช้ง
  • สกูบ้าเรด จ. ภูเก็ต สเปคเดียวกับด้านบนเด๊ะๆ ครูพาดำน้ำนอกโปรแกรมด้วย สนุกตื่นเต้นมาก แต่ดันลืมกินยาแก้เมาคลื่น เลยหนุกอยู่ได้ครึ่งนึง อีกครึ่งทางคือกลั้นอ้วก
  • มนต์ทะเลรีสอร์ท เกาะเต่า ที่พักพร้อมดำน้ำ ไม่ต้องเดินทางไปไหน เรียนมันที่หน้าหาดเลย ชิวสุดๆ (แต่การเดินทางไปเกาะเต่าอันนี้สู้ชีวิตหน่อยนะ) มีแพ็คเกจราคาดีๆ ตลอดๆ มีสระว่ายน้ำสำหรับเรียนด้วย แต่เราชอบตรงที่ตัวเค็มๆ ขึ้นมาแล้วโดดสระ ดูชั่วหน่อยแต่มันสะดวกเรา
  • สตูลไดฟ์รีสอร์ท เกาะหลีเป๊ะ บรรยากาศคล้ายมนต์ทะเล นอนตรงนั้น เดินลงเรือมันตรงนั้นเลย สุดชิว ไดฟ์ลีด/สต๊าฟน่ารักกันเองมากๆ ให้จองตั๋วเรือ รถตู้รวมแพ็คเกจให้ได้หมด
  • ชุมพรไดฟ์วิ่งเซ็นเตอร์ จ.ชุมพร อันนี้สะดวกสุดคือนอนชุมพรคาบาน่า ไดฟ์ไซต์ชั้นเลิศ ไดฟ์ลีดดีงาม สต๊าฟกวนส้นตีน เกือบตีกันก่อนดำน้ำเพราะสต๊าฟภาคบกห่วย